ป้อมลืมตาขึ้นมาดูโลกครั้งแรกเมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว เขาเกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจน ในชนบทห่างไกล ของจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน บิดามารดาของเขามีอาชีพทำนามีรายได้แทบจะไม่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อนาคตขึ้นอยู่้กับฟ้าฝนธรรมชาติ เขาเรียนหนังสือในโรงเรียนประถมใกล้หมู่บ้านจบชั้น ป.6 แล้วก็ออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา เพราะไม่มีเงินเรียนต่อ จนย่างเข้าสู่วัยรุ่น ก็มานั่งคิดนอนคิดถึงอนาคตตัวเองว่าหากอยู่ที่บ้านต่อไปก็คงจะมีชีวิตเหมือนบรรพบุรุษ หากไปที่อื่นชีวิตก็อาจจะดีขึ้น เขาจึงตัดสินใจเดินทางเข้าเมืองเพื่อหางานทำ หลังจากตระเวนหางานทำอยู่หลายวัน จึงได้งานทำในร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่งด้วยเงินค่าตอบแทนรายวัน วันละ 10 บาท พร้อมอาหารและที่พัก หลังจากทำงานไประยะหนึ่ง เขารู้สึกว่าตัวเองชอบงานเสิร์ฟอาหาร มีความสุขในการทำงานที่ได้พบปะกับผู้คนแปลก ๆ ใหม่ ๆ และการได้บริการผู้คน
เขาทำงานในร้านอาหารแห่งนั้นประมาณปีเศษ จึงลาออกไปทำในร้านอาหารที่ใหญ่กว่า ที่ร้านอาหารแห่งใหม่เขามีรายได้มากขึ้นกว่าที่ร้านเดิมนิดหน่อย แต่ทำงานหนักกว่า ในช่วงเช้าเขาพอมีเวลาว่างจึงได้ไปสมัครเข้าเรียนกับศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเรียนได้เต็มที่เหมือนคนอื่นเขา แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ เรียนจนจบได้วุฒิ ม.3
วันหนึ่งเขาได้พบกับเพื่อนที่เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ เพื่อนได้ชักชวนให้เขาไปหางานทำในกรุงเทพ ฯ เพราะอาจจะมีโอกาสที่ดีกว่าและมีรายได้ดีกว่า เขาจึงติดตามเพื่อนเข้ากรุงเทพฯ และได้งานทำเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
เขาได้ทราบว่าจากเพื่อน ๆ ที่ทำงานด้วยกันว่า พนักงานเสิร์ฟหรือที่เรียกโก้ๆ ว่า พนักงานบริการอาหารและเครื่องดื่มในโรงแรมจะมีรายได้ดีว่าพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารทั่วไป โดยเฉพาะในโรงแรมระดับ 4-5 ดาว เพราะนอกจากจะได้เงินเดือนจะสูงกว่าพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารทั่ว ๆ ไปแล้ว ยังมีโอกาสได้รับค่าบริการ หรือ ค่าเซอร์วิจชาร์จ (Service Charge) และเงินทิป (Tip) อีกด้วย เดือนหนึ่ง ๆ อาจมีรายได้ร่วมหมื่นบาทหรือมากกว่า
แต่การเข้าไปทำงานในโรงแรมระดับ 4-5 ดาวนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้สมัครต้องมีวุฒิการศึกษา ม. 6 เป็นอย่างน้อย สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ และต้องมีบุคลิกภาพที่ดีพอสมควร ที่เขาพอมีอยู่ในขณะนี้เพียงสิ่งเดียว คือ บุคลิกภาพที่ค่อนข้างดี เพราะเขาเป็นคนรักความสะอาดและมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ส่วนวุฒิการศึกษาและความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษ - เขายังไม่มี
หลังจากที่ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นานก็คิดได้ว่าถ้าเขาสมัครเรียนในศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอีกไม่นานเขาจะได้รับวุฒิ ม.6 เขาจึงไปสมัครเรียนในศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนใกล้ที่พัก ส่วนภาษาอังกฤษที่ใช้ในห้องอาหารโรงแรมนั้นส่วนมากเป็นการฟังและการพูด และมีอยู่ไม่กี่สิบประโยค ถ้าสามารถฟังรู้เรื่องและตอบคำถามได้ก็ไม่มีปัญหา เขาจึงไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับการพูดและสนทนาในห้องอาหารมาอ่านและท่องจำ
เขาใช้เวลาประมาณ 2 ปีเศษ ก็เรียนจบ ม.6 จากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน หลังจากนั้น เขาก็ตระเวนสมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟในโรงแรม โรงแรมไหนเปิดรับสมัครเขาไปสมัครทุกแห่ง บางแห่งก็เรียกเขาไปสัมภาษณ์แล้วเงียบหายไป บางแห่งปฏิเสธเขาทันทีเมื่อรู้ว่าเขามีวุฒิแค่ม.6 จึงไม่ต้องสงสัยว่ากว่าจะมีโรงแรมรับเขาเข้าทำงาน เขาต้องใช้เวลาตระเวนสมัครร่วมปี โรงแรมที่เขาได้ทำงานครั้งแรกไม่ใช่โรงแรมระดับ 4-5 ดาวตามที่ใฝ่ฝัน และไม่แน่ใจว่าจะมีดาวหรือเปล่า แต่โชคดีที่โรงแรมนี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศชอบมาพักเพราะราคาห้องพักค่อนข้างถูก จึงทำให้เขามีโอกาสได้พูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างประเทศ แม้ระยะแรกจะขัด ๆ เขิน ๆ อยู่บ้าง แต่อาศัยที่ใจกล้า จึงทำให้เขาสามารถพูดจาสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษกับชาวต่างประเทศได้ และเห็นว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยาก
ที่โรงแรมแห่งนี้เขาได้รับเงินเดือนสูงขึ้นกว่าที่เก่านิดหน่อยแต่ได้มีโอกาสได้รับทิปจากแขกที่มาใช้บริการ เขาเรียนรู้ว่า ลูกค้าหรือแขกที่มาใช้บริการทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนไทยที่ชาวต่างประเทศล้วนแต่ต้องการการบริการที่ดีจากพนักงาน ต้องการความเอาใจใส่จากพนักงาน และต้องการการบริการที่รวดเร็วทันใจ ถ้าพนักงานสามารถให้บริการได้ตามที่ต้องการก็มักจะมีทิปเป็นรางวัลให้เสมอ บางวันเขาได้รับค่าทิปเป็นเงินหลายร้อยบาท ทำให้เขามีเงินเหลือพอที่จะส่งกลับไปให้พ่อแม่ที่บ้านใช้บ้างในบางเดือน เขาได้ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ลูกค้าและแขกที่มาใช้บริการต่างพึงพอใจการบริการของเขา และเพื่อน ๆ ในที่ทำงานก็รักเขาเพราะเขาเป็นคนสุภาพเรียบร้อยและมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมงาน
มีคนเป็นจำนวนมากที่ไม่เข้าใจอาชีพพนักงานเสิร์ฟ มองว่าเป็นอาชีพที่ต่ำต้อย เป็นอาชีพรับใช้ แต่ที่จริงแล้วอาชีพพนักงานเสิร์ฟเป็นอาชีพที่มีรายได้ดี หากรู้จักเก็บหอมรอมริบ ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขแล้วก็สามารถเลี้ยงดูตนเองหรือครอบครัวได้อย่างสบาย ว่ากันว่าในต่างประเทศเช่นประเทศสหรัฐอเมริกา มีคนถึง 70 % ที่เคยทำงานเสิร์ฟอาหารหรือทำงานในร้านอาหารมาก่อน
อย่างไรก็ตามป้อมก็ยังมีความใฝ่ฝันที่จะทำงานในโรงแรม 5 ดาวแล้ววันหนึ่งโชคก็มาถึงเขาเมื่อเพื่อนร่วมงานได้บอกเขาว่ากำลังจะมีโรงแรมระดับ 5 แห่งใหม่เปิดขึ้นอีกแห่งในกรุงเทพฯ และขณะนี้ทางโรงแรมกำลังเปิดรับสมัครพนักงานใหม่ เขาไม่รอช้ารีบไปสมัครทันทีที่มีเวลา เวลาล่วงเลยมาประมาณเดือนเศษ เขาได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายบุคคลให้ไปสัมภาษณ์ เขาไปตามนัด และปรากฏว่าเขาผ่านการสัมภาษณ์ ได้เข้าทำงานเป็นพนักงานฝ่ายจัดเลี้ยงของโรงแรมแห่งนั้น เขาดีใจมาก
ที่โรงแรมแห่งใหม่ เขาได้มีโอกาสพบปะกับผู้มาใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ที่มีชื่อเสียงในวงสังคมมากหน้าหลายตา ทั้งเชื้อพระวงศ์ นักการเมือง ข้าราชการระดับสูง มหาเศรษฐี ดาราภาพยนตร์ นักกีฬาระดับโลก ฯลฯ ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้มีโอกาสพบตัวเป็น ๆ ของบุคคลเหล่านั้น
เขาทำงานอยู่ในแผนกจัดเลี้ยงประมาณปีเศษก็ได้ย้ายไปทำงานในตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟในห้องอาหารของโรงแรม เขาตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้ผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มพอใจมาก และวางแผนที่จะเลื่อนตำแหน่งเขาเป็นหัวหน้างาน ซึ่งปัญหาก็เกิดขึ้นตามมา คือ เพื่อนร่วมงานของเขาเริ่มแสดงความไม่พอใจ ในข้อหาที่เขาก้าวหน้าเร็วเกินไป และประการสำคัญ คือ เขามีวุฒิการศึกษาต่ำ แค่ ม.6 ขณะที่เพื่อนร่วมงานของเขาหลายคนมีวุฒิปริญญาตรี ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นมีความรู้สึกว่า “รับไม่ได้” ที่จะให้คนที่มีวุฒิ ม.6 มาเป็นหัวหน้าคนที่มีวุฒิปริญญาตรี
ปัญหามีไว้แก้ ป้อมขอสละสิทธิ์ตำแหน่งหัวหน้างานขอทำงานนในตำแหน่งเดิม และสมัครเข้าเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช หรือที่รู้จักกันทั่ว ๆ ไปว่า “มสธ.” พร้อมกับการทำงานไปด้วย ป้อมรู้ตัวเองดีว่า เขาไม่ใช่คนอัจริยะหรือฉลาดปราดเปรื่องเป็นพิเศษ จึงต้องใช้ความมานะ อดทนและขยันขันแข็งเป็นพิเศษ เรียนและทำแบบฝึกหัดส่งตามกำหนด เขาใช้ 4 ปีเศษ ก็จบการศึกษาได้รับวุฒิปริญญาตรี เขาดีใจเสียยิ่งกว่าการดีใจ แต่ปัญหาไม่จบแค่นั้น เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มที่เขาทำงานอยู่ ทำให้ป้อมต้องหางานทำใหม่
พอดีในช่วงนั้นมีการประกาศรับสมัครพนักงานบริการอาหารและเครื่องดื่มไปทำงานในเรือสำราญ (Cruise) ที่ให้บริการในย่านทะเลแคริบเบียน งานบริการอาหารและเครื่องดื่มในเรือสำราญเป็นที่ค่อนข้างหนัก แต่มีรายได้ที่ดีมาก และเป็นงานที่ทำสัญญาเป็นปี ๆ หากมีผลการทำงานดีก็จะได้ต่อสัญญาไปเรื่อย ๆ เขาคิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่เขาจะได้มีประสบการณ์เพิ่มขึ้น จึงไม่รอช้าไปสมัครและได้รับการคัดเลือกให้ไปทำงาน
เรือสำราญที่เขาทำงานเป็นเรือขนาดใหญ่สามารถรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 2,500 คน มีพนักงานประจำเรือประมาณ 1,000 คน หลายชาติหลายภาษา พนักงานเหล่านี้จะทำงานอยู่ในแผนกต่าง ๆ เพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง พนักงานแต่ละแผนกได้รับเงินเดือนไม่เท่ากัน บางแผนกมีเงินเดือนสูง บารงแผนกมีเงินเดือนน้อย เช่น แผนกบริการอาหารและเครื่องดื่มพนักงานได้รับเงินเดือนน้อยมากแต่ได้รับค่าทิปสูง เดือนหนึ่ง ๆ เป็นเงินหลายหมื่นบาท เขาทำงานไม่นานก็มีเงินเก็บร่วมล้านบาท
ทุกปีทางเรือจะให้พนักงานหยุดงานพักผ่อนประมาณ 1 เดือน เขากลับมาเยี่ยมบ้านเอาเงินเก็บมาซื้อที่ดินให้พ่อแม่ทำนาเพิ่ม และตั้งใจว่าจะกลับมาอยู่บ้านเมื่อมีอายุมากขึ้น เขาทำงานอยู่ในเรือ 5 ปีก็หยุด และกลับมาทำงานต่อในประเทศไทย
ปัจจุบันเขาเป็นผู้จัดการห้องอาหารในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง มีครอบครัวที่อบอุ่น.....เขาขอบคุณอาชีพเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มที่สร้างอนาคตที่ดีให้เขา
...........................